Skinpress Rss

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ศัลยกรรมจมูก : การเสริมจมูกด้วยไหมละลาย (Thread)



การเสริมจมูกด้วยไหมละลาย (Thread ) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการเสริมจมูกค่ะ เป็นเทคนิคใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบันนี้ เพราะการเสริมจมูกด้วยไหมละลาย จะอยู่ได้นานกว่าการฉีดฟิลเลอร์ ไหมละลายที่ใช้ ควรเลือกที่ผ่าน อย. แล้ว เช่น ไหม PDO (Polydioxanone)โดยจะอยู่ได้ประมาณ 1.5-2 ปี  ไหมละลายที่อยู่นานกว่านี้ ส่วนใหญ่จะยังไม่ผ่านอย.เมืองไทย





เทคนิคการฉีดไหมละลายเพื่อสร้างโครงสร้างใหม่ให้จมูก ช่วยปรับแก้ไขรูปทรงจมูกนั้น สามารถทำได้หลายรูปแบบค่ะ โดยเฉพาะการยืดปลายจมูกให้โด่ง เรียวเล็ก จมูกดูยาวและสวยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติโดยที่การใส่ซิลิโคน การฉีด Filler หรือ การฉีดไขมัน ไม่สามารถทำได้ ไหมที่ฉีดเข้าไปจะมีลักษณะคล้ายโครงตาข่าย ค้ำจมูกให้ได้รูปทรงตามต้องการ ในขณะเดียวกันก็จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อจมูกขึ้นมาเพิ่มขึ้นมาด้วย




ข้อดีของการเสริมจมูกด้วยไหมละลาย นี้ ก็คือ ผู้เข้ารับการรักษาสามารถเห็นผลการรักษาได้ทันที ไม่เจ็บ ขณะทำใช้เพียงการทายาชา สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ไม่ต้องพักฟื้น โดยไหมจะคงตัวอยู่ได้นานเฉลี่ย 6 เดือนถึง 1 ปี และจะค่อยๆสลายตัวไปตามธรรมชาติ แต่ถึงแม้ไหมจะสลายไป จมูกจะยังคงรูปทรงต่างจากก่อนการรักษาเนื่องจากมีการสร้างเนื้อจมูกขึ้นมา 30-40% แต่ข้อเสียก็คือ ไม่สามารถเพิ่มเนื้อบริเวณสันจมูกได้ และสนนราคาก็จะสูงกว่าการฉีด filler ค่ะ

กล่าวโดยสรุปแล้ว การเสริมจมูกด้วยไหมละลาย นั้น จะเหมาะกับคนที่มีสันจมูกที่โด่งอยู่แล้วค่ะ เพียงแต่ต้องการปรับรูปทรงให้คมขึ้น ยกปลายจมูกให้เิชิด หรือปรับปลายจมูกให้ยื่นยาวมีหยดน้ำสวยงามขึ้นเท่านั้นเองค่ะ







ขอบคุณที่มา สยามเลเซอร์คลีนิค 
http://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=9&col_id=199  เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ศัลยกรรมจมูก : ข้อดี-ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์เสริมจมูก

สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ บล้อกบิวตี้ฟอร์ยู ทุกท่าน

การศัลยกรรมจมูก หรือการเสริมจมูกด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้งการเสริมจมูกด้วยไขมันตัวเอง การเสริมจมูกด้วยวัสดุถาวรทางการแพทย์ และการฉีดสารกลุ่มฟิลเลอร์เพื่อให้ได้รูปจมูกที่แลดูโด่งขึ้น สวยงามได้รูปมากขึ้นนั้น มีข้อดี-ข้อเสียด้วยกันทุกวิธีค่ะ




ในวันนี้เราจะมาดูจุดเด่น-จุดด้อย ของการฉีดเสริมจมูกด้วยฟิลเลอร์ หรือที่่รู้จักกันในนาม สาร HA (Hyaluronic acid) กันนะคะ


ข้อดีของการเสริมจมูกด้วยสาร HA

1. ไม่ต้องผ่าตัด หรือพักฟื้นหลังทำ ไม่พบอาการบวมแดง หลังฉีด สามารถไปทำงานได้ตามปกติ แต่งหน้าได้ตามปกติเลยค่ะ
2. จัดแต่งรูปทรงได้ตามต้องการ ใช้เติมแต่งแก้ปัญหาจมูกเบี้ยว เอียง หรือฉีดเสริมให้โด่งขึ้น จัดแต่งรูปทรงจมูก ให้ธรรมชาติมากขึ้น ในคนที่เสริมจมูกด้วยแท่งมาแล้ว ยังดูไม่ธรรมชาติก็สามารถแก้ไขเฉพาะจุดได้ โดยไม่ต้องถึงกับผ่าตัดใหม่
3. ไม่ต้องวางยาสลบ หรือฉีดยาให้นอนหลับค่ะ (บางคนกลัวมากกับการวางยาสลบ) เพียงแค่ทายาชาหรือฉีดยาชาก่อนทำ ซึ่งการฉีดยาก็ไม่เจ็บมากน่ะนะคะ โดยจะใช้เข็มขนาดปานกลาง เบอร์ 30-32
4. ลักษณะจมูกดูเป็นธรรมชาติ สัมผัสได้เหมือนผิวหนังปกติค่ะ จะกด บิด รูปจมูกก็ทำได้แบบเป็นธรรมชาติ
5. ไม่ต้องระวังเรื่องเบี้ยวเอียง ไม่ไหล ไม่เคลื่อนที่ ไม่ทะลุ
6. ไม่มีโอกาสแพ้ เนื่องจากไม่ได้ผลิตจากสัตว์เหมือนกลุ่มคอลลาเจน จึงไม่ต้องเทสต์ก่อนฉีด
7. โอกาสติดเชื้อหลังฉีดแทบไม่มีเลยค่ะ หรือมี แต่ก็น้อยมาก  ถ้าไม่พอใจ หรือต้องการเปลี่ยนใจไปเสริมจมูกด้วยการผ่าตัดใส่แท่งซิลิโคน หรือกระูดูกอ่อน ก็สามารถฉีดให้สลายได้ด้วยสาร Hylauronidase ภายในไม่กี่วัน




ดูข้อดีแล้ว ก็มาดูข้อด้อยของการฉีดเสริมจมูกด้วยสาร HA กันบ้างนะคะ

1. สาร HA นี้ เป็นสารที่ไม่คงทนถาวรค่ะ จะสลายและถูกดูดซึมภายในร่างกายจนหมดในช่วงระยะเวลาหนึ่ง (6-8 เดือน) จึงต้องฉีดซ้ำทุก 1 ปี เมื่อมีการยุบลงของจมูก
2. หลังฉีด อาจพบจุดแดงๆ ช้ำเล็กๆ ตามรูเข็มฉีดยาน่ะนะคะ
3. ต้องมีการฉีดเติมบ่อยๆ ทำให้เปลืองค่าใช้จ่าย เมื่อเทียบกับการเสริมจมูกด้วยวัสดุทางการแพทย์แบบถาวรแล้ว แบบเสริมถาวรจะอยู่ได้ตลอดชีวิต เสียเงินครั้งเดียว และอยู่ได้นานปีกว่าสารฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดเข้าไป
4. จมูกที่ฉีดด้วยสารฟิลเลอร์นั้น จะได้รูปสวยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับฝีมือแพทย์ด้วยค่ะ หากเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญ ขึ้นรูปจมูกได้สวย ก็จะได้ทรงจมูกที่สวยงามอย่างที่เราต้องการ แต่หากแพทย์ที่ทำไม่มีความชำนาญหรือขึ้นรูปจมูกไม่สวย บางครั้งคนไข้ที่ไม่พอใจก็ถึงกับต้องไปฉีดเพื่อสลาย HA ออกเลยก็มีน่ะนะคะ







เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ
เพิ่มเติมความเข้าใจโดย บล้อกบิวตี้ฟอร์ยู
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

ศัลยกรรมจมูก : การเสริมจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัด ตอนที่ 2

สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ บล้อกบิวตี้ฟอร์ยู ทุกท่าน

การเสริมจมูก ด้วยการฉีดสารฟิลเลอร์โดยไม่ต้องผ่าตัดนั้น กำลังเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบันนี้ เนื่องจากสารฟิลเลอร์ที่นำมาใช้ เป็นสารในกลุ่มที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย สามารถทำให้จมูกได้รูปได้ภายในระยะเวลาไม่กี่นาที โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องมีแผล ไม่ต้องพักฟื้น และไม่เสี่ยงกับการที่จมูกที่ได้รับการเสริมบิดเอียง เบี้ยว ทะลุในภายหลัง




สารฟิลเลอร์ ( Filler agents) ที่นำมาฉีดนี้ แพทย์แนะนำให้เลือกใช้แบบไม่ถาวร (Temporary Fillers )  ค่ะ โดยสารกลุ่มนี้ จะคงอยู่ในร่างกายได้นานประมาณ 1 ปี  โดยผู้ที่ต้องการฉีดสารประเภทนี้ให้เลือกสารในกลุ่มที่เรียกว่า HA (Hyaluronic acid) เพราะส่วนใหญ่ จะะผ่านอย. เรียบร้อยแล้วและเมื่อไม่พอใจ ก็หรือเปลี่ยนใจจะไปเสริมด้วยการผ่าตัดเสริมแท่ง ก็สามารถจะฉีดให้สลายไปได้ ด้วยสาร Hyaluronidase

สารสังเคราะห์ กลุ่ม Hyaluronic Acid (HA) คืออะไร เมื่อมันสลายแล้วไปไหน ?

ก่อนอื่นเราคงต้องทำความเข้าใจกันสักเล็กน้อยนะคะ ตัว HA นี้ เป็นโปรตีนที่มีอยู่ในร่างกายเรา ในชั้นผิวหนังแท้ ( Dermis) นี่เองค่ะ

สารที่อยู่ใน กลุ่มนี้ได้แก่ Restylane,Perlane,Esthelis,Juverderm เท่านั้น (ผ่าน  อย. แล้ว) ส่วน Theotsyal  ของบริษัท Gouts  ก็กำลังดำเนินการขออนุญาต จาก อย. อยู่




ส่วนสารฟิลเลอร์ที่อยู่นานกว่า 1 ปี ปัจจุบัน ในเมืองไทย ยังไม่ผ่านอย. (ยกตัวอย่างเช่น Aquamid ,Aqaulift ,Radiesse ฯลฯ.) แพทย์ไม่แนะนำให้ฉีด เพราะเมื่อเราอายุมากขึ้น โครงหน้าเราจะมีการเปลี่ยนแปลง มีการลดลงของคอลลาเจน และอีลาสติน เกิดการหย่อนคล้อยของโครงหน้า สารที่ฉีดถ้าอยู่นานๆ ในระยะเวลาปีหลังๆ อาจจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมอีกต่อไป ที่สำคัญเมื่อไม่พอใจก็ไม่สลายจะฉีดให้สลายออกไปได ้ต้องรอเวลาให้สลายไปเอง
   
สาร Filler agents อีกชนิดหนึ่ง ที่สมัยก่อนนิยมฉีดกันมาก ก็คือ ซิลิโคนเหลว ซึ่งนิยมนำมาฉีดแก้ม คาง รอยบุ๋ม จมูก โดยบุคคลากร( ซึ่งมักจะไม่ใช่แพทย์) เพราะมีราคาถูก ประมาณ 1,000-5,000 บาท ทาง อย.ไม่แนะนำให้ฉีดเด็ดขาด เพราะมีโอกาสไหล เคลื่อนที่ได้บ่อยๆ ทำให้เกิดก้อนเนื้อ (Granuloma)ได้ง่าย และแก้ไขได้ยาก ต้องทำการผ่าตัด จนอาจเกิดผลข้างเคียงทำให้เสียโฉมได้ อย่างที่เราได้เคยเห็นในข่าวด้านศัลยกรรมความงามกันอยู่เสมอ ๆ น่ะนะคะ

ในตอนหน้าเราจะมาดู ข้อดี-ข้อด้อย ของการเสริมจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัดกันค่ะ

กลับมาติดตามบล้อกบิวตี้ฟอร์ยูได้ใหม่ในครั้งหน้านะคะ



เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

ศัลยกรรมจมูก : การเสริมจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัด ตอนที่ 1

สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ บล้อก บิวตี้ฟอร์ยูทุกท่าน

การเสริมจมูก  เป็นการทำศัลยกรรมที่นิยมกันมากที่สุดวิธีหนึ่งหนึ่งในแถบเอเซียของเราน่ะนะคะ เนื่องจากโครงหน้าของชาวตะวันออก มักจะมีจมูกที่ไม่เป็นสันโด่งสวยงาม เหมือนทางตะวันตก

ปัจจุบันนี้การเสริมจมูกมีด้วยกันหลากหลายวิธีค่ะ ทั้งวิธีที่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งในวันนี้เราจะมาพูดคุยกันถึงในวิธีที่สอง คือการเสริมจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัดนั่นเอง




การเสริมจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัด เป็นการทำศัลยกรรมเสริมแต่งที่เริ่มเป็นที่นิยม ในระยะไม่นานมานี้นี่เองนะคะ มักจะทำโดยศัลยแพทย์ หรือแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม ( Aesthetic Medicine) หรือแพทย์ผิวหนังที่ผ่านการอบรมแล้ว เหมาะสำหรับท่านที่กลัวการผ่าตัด และไม่อยากหยุดงาน มีเวลาพักฟื้นหลังผ่าตัดน้อย หรือกังวลว่าจมูกที่เสริมไปไม่เป็นธรรมชาติ แข็ง หรือกลัวเบี้ยวเอียงในอนาคต

วิธีนี้แพทย์จะทำการฉีดสารกลุ่ม Filler agents เข้าไปใต้ชั้นผิวหนังที่ต้องการเสริมค่ะ โดยก่อนทำอาจจะเพียงฉีดยาชาหรือทายาชามิให้เจ็บปวด หรือฉีดยานอนหลับ ในกรณีที่คนไข้กลัว หรือตื่นเต้นมากๆ




ในตอนหน้าของบล้อกบิวตี้ฟอร์ยู เราจะมาดูข้อมูลที่ควรรู้ เกี่ยวกับการเสริมจมูกด้วยการฉีด ฟิลเลอร์ เพื่อเสริมให้จมูกได้รูปและมีความสวยงามขึ้นเพิ่มเติมกันนะคะ

กลับมาติดตามบล้อกบิวตี้ฟอร์ยูได้ใหม่ในครั้งหน้าค่ะ :)

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ศัลยกรรมจมูก : การเสริมจมูกด้วยวัสดุทางการแพทย์

สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ บล้อก บิวตี้ฟอร์ยู ทุกท่าน

การทำ ศัลยกรรมจมูก  หรือที่ในเมืองไทยของเรานิยมทำกันเป็นอย่างมากนั่นก็คือ การเสริมจมูก ให้โด่งขึ้นได้รูปขึ้นนั่นเองน่ะนะคะ ซึ่งวิธีการเสริมจมูกให้โด่งขึ้นนั้น มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธีหลัก ๆ คือ การเสริมจมูกด้วยการใช้เนื้อเยื่อของตัวเอง และการเสริมจมูกด้วยวัสดุทางการแพทย์




การเสริมจมูกด้วยวัสดุทางการแพทย์นั้นยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกันค่ะ คือ เป็นการเสริมจมูกแบบถาวร และแบบไม่ถาวร ซึ่งในวันนี้ เราจะพูดถึงการเสริมจมูกด้วยวัสดุทางการแพทย์แบบถาวรกันก่อนน่ะนะคะ

เป็นที่ทราบกันดีในวงการแพทย์ และการศัลยกรรมเพื่อความงามค่ะ ว่าคนเราพยายามคิดค้นเพื่อหาวัสดุสังเคราะห์ที่จะนำมาใช้ในการทำศัลยกรรมจมูก โดยพยายามหาวัสดุที่สมบูรณ์แบบนานาประการมานับร้อยปีเลยทีเดียว อย่างเช่นวัสดุประเภทที่

ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกาย
ไม่เปลี่ยนแปลงสภาพโดยไม่คาดหมาย
ไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง
ไม่ก่อให้เกิดการแพ้
สามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างได้โดยง่าย
สามารถนำไปทำให้ปราศจากเชื้อโรคก่อนนำไปใช้ได้ โดยไม่เสียหาย


สำหรับวัสดุทางการแพทย์ที่ศัลยแพทย์นำมาใช้เสริมจมูกให้เรานั้น ปัจจุบันนี้มีอยู่หลายชนิดด้วยกันค่ะ และแต่ละชนิืดก็มีข้อดี-ข้อด้อยแตกต่างกันไป โดยจะขอยกตัวอย่างของวัสดุสังเคราะห์็เหล่านั้นมาอธิบายให้ฟังคร่าว ๆ ดังนี้นะคะ


วัสดุชนิดแรก ที่เราพูดถึง และคุ้นเคยกับชื่อเสียงเรียงนามกันมานาน ก็คือวัสดุที่เรียกว่า ซิลิโคน (silicone) ค่ะ

ซิลิโคนนั้นเป็นวัสดุที่ใช้กันมานานมากที่สุด แม้ว่าจะมีปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกายบ้าง แต่ก็น้อยมากๆ มีความคงตัวสูง มีหลายสถานะทั้งของเหลว เยล ยางนุ่ม จนถึงแข็ง ผู้ผลิตออกมาเป็นยางรายแรกของโลก คือ บริษัท Dow Corning ในอเมริกา ใช้ชื่อการค้าว่า "Silastic"  ซิลิโคนมีอยู่หลายรูปแบบนะคะ อย่างเช่นซิลิโคนที่ใช้เป็นเนื้อถุงเต้านมเทียม ก็จะมีซิลิโคนเยลบรรจุอยู่ภายใน  ส่วนที่เสริมจมูกกันในบ้านเราก็คือซิลิโคนแบบแท่งค่ะ

2. วัสดุที่เรียกว่า โพลี่เอไมด์ (polyamide) หรือที่เรียกกันว่า ไนลอน (nylon)

วัสดุชนิดนี้เป็นวัสดุที่จะว่าไม่ละลายก็ไม่เชิงค่ะ เพราะคงอยู่ในร่างกายได้นาน แต่ก็ถูกทำลายได้บ้าง  บริษัท Ethicon, Inc.ของอเมริกา นำมาผลิตเป็นแผ่นใยสาน ภายใต้ชื่อการค้า "Supramid"

3. วัสดุที่เรียกว่า โพลี่เอทิลีน (polyethylene) โพลีเอสเตอร์ (polyester) นำมาใช้ในคน ภายใต้ชื่อการค้าว่า "Dacron" (บริษัท Du Pont) และ "Mersilene" (บริษัท Ethicon)ค่ะ ซึ่งรูปแบบของมันก็จะเป็นแผ่นใยทอ ในรูปเป็นแท่งแข็งและมีรูพรุน เรียกว่า "Medpore"  นิยมใช้กันมากในวงการแพทย์

4. พี.ที.เอฟ.อี. (PTFE, polytetrafluoroethylene) วัสดุชนิดนี้มีความคงทนสูงมาก ปฏิกิริยาจากร่างกายน้อยมาก  นิยมใช้กันมาก ภายใต้ชื่อ Proplast, Teflon, Gore-Tex

- Proplast: ทำด้วยใยคาร์บอนผสมกับ PTFE มี 3 รุ่น เริ่มจาก "Proplast I" ซึ่งมีสีดำ มองเห็นผ่านผิวหนังได้ เลยพัฒนามาเป็น "Proplast II" สีขาว ต่อมาผสมกับ Hydroxyapatite กลายเป็น "Proplast HA"

- Teflon: มีสถานะเหลวข้น ใช้สำหรับฉีด ไม่นิยมในสาขาศัลยกรรมตกแต่ง

- Gore-Tex (ของ WL Gore and Associates): มีประวัติการใช้งานยาวนาน ใช้กันมากจริงๆโดยเฉพาะสาขาหัวใจและเส้นโลหิต เนื้อวัสดุเป็น PTFE ที่วางตัวเหมือนใยแมงมุมขนาดเล็กมาก แทบไม่มีปฏิกิริยาจากร่างกายเลย ปัจจุบัน ผลิตมาเป็นแผ่น เป็นท่อ และล่าสุดเป็นแผ่นสำหรับใส่ในชั้นใต้ผิวหนังโดยเฉพาะ (SAM, Subcutaneous Augmentation Material)  สามารถตัดแต่งรูปร่างได้และมีลักษณะที่นิ่มน่ะนะคะ





ในตอนหน้าของบล้อก บิวตี้ฟอร์ยู เราจะมาดูวิธีการเสริมจมูกด้วยวัสดุทางการแพทย์ที่ไม่ถาวรกันบ้าง

กลับมาติดตามบล้อก บิวตี้ฟอร์ยู ได้ใหม่ในครั้งหน้านะคะ :)





ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
ขอบคุณที่มา http://cosmesis.tripod.com/implant_type.htm#goretex

วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ศัลยกรรมจมูก : การเสริมจมูกด้วยการใช้เนื้อเยื่อตัวเอง

สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ บล้อกบิวตี้ฟอร์ยู ทุกท่าน

หลังจากที่เราได้ตัดสินใจที่จะทำการ เสริมจมูก หรือตกแต่งจมูกให้สวยงามได้รูปอย่างที่เราต้องการโดยอาศัยขั้นตอนของการศัลยกรรมแล้วน่ะนะคะ เราควรจะมารู้จักวิธีการเสริมจมูกกันก่อนค่ะ




วิธีการเสริมจมูกนั้น โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกันคือ การเสริมจมูกด้วยการใช้เนื้อเยื่อตัวเอง และการเสริมจมูกด้วยวัสดุสังเคราะห์ ซึ่งในวันนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับวิธีการเสริมจมูกวิธีแรกกันก่อน นั่นก็คือ การเสริมจมูกด้วยการใช้เนื้อเยื่อตัวเองน่ะนะคะ


การเสริมจมูกด้วยเนื้อเยื่อตัวเอง นั้น มีมานานร่วมร้อยปีแล้วค่ะ เนื้อเยื่อที่นำมาเสริมนั้นมีหลายชนิดด้วยกัน เช่น ไขมัน กระดูกแข็ง กระดูกอ่อน หรือพังผืดกล้ามเนื้อ เป็นต้น

การเสริมจมูกด้วยวิธีการใช้เนื้อเยื่อตัวเองนั้น มีข้อดีอยู่หลายประการ เช่น การที่เป็นเนื้อเยื้อปกติของเราเอง ร่างกายก็จะไม่มีปัญหาเรื่องการเจาะทะลุผิวหนังที่เกิดจากวัสดุทางการแพทย์ (Implant) โดยเฉพาะบริเวณปลายจมูก ที่หากคนไข้บางคนต้องการให้สูง เรียว แหลมคล้ายของฝรั่ง แก็จะเกิดปัญหาแรงกดบริเวณผิวหนังตรงส่วนนั้น จนวัสดุทะลุออกมาได้

ข้อเสียของการเสริมจมูก ด้วยการใช้เนื้อเยื่อตัวเอง ก็คือ การผ่าตัดจะซับซ้อนกว่าและมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการใช้วัสดุทางการแพทย์เสริมน่ะนะคะ อีกทั้งเนื้อเยื่อเหล่านี้มักต้องอาศัยเลือดจากที่ใหม่ (จมูก) มาเลี้ยง บางส่วนเลือดมาเลี้ยงไม่ทันก็ละลายไป ทำให้การติดของเนื้อเยื่อเหล่านั้นไม่สม่ำเสมอ ทำให้ได้รูปร่างของจมูกที่ไม่แน่นอน ไม่คงรูปค่ะ

ในตอนหน้ัาของบล้อกบิวตี้ฟอร์ยู เราจะมาดูวิธีการเสริมจมูกด้วยการใช้วัสดุทางการแพทย์กันบ้างนะคะ :)



วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ศัลยกรรมจมูก : เลือกแพทย์ที่จะทำศัลยกรรมจมูก

สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ บล้อกบิวตี้ฟอร์ยู ทุกท่าน

ในตอนที่แล้ว เราได้พูดถึงรูป จมูก ที่สวยเข้าขั้นมาตรฐานกันไปแล้วนะคะ สำหรับผู้ที่มีปัญหาจมูกไม่ได้สัดส่วน หรือไม่รับกับใบหน้าและต้องการแก้ไขรูปจมูกในสวยงามขึ้น การทำศัลยกรรมพลาสติกก็คืออีกหนึ่งทางเลือกที่เราสามารถทำได้ค่ะ



เสริมจมูก

แต่เนื่องจากในปัจจุบันนี้ สถาบันเสริมความงาม หรือแม้แต่แพทย์ที่ประกอบวิชาชีพด้านการศัลยกรรมความสวยความงามนั้น มีจำนวนเยอะแยะมากมายค่ะ แต่ละสถาบันหรือแพทย์แต่ละท่าน ก็ล้วนแล้วแต่มีฝีมือและความถนัดแตกต่างกันไป เช่น แพทย์ศัลยกรรมท่านนึงอาจมีความชำนาญด้านการตกแต่งใบหู อีกท่านหนึ่งอาจถนัดด้านการทำตาสองชั้น หรืออีกท่านนึงอาจถนัดในการทำจมูกให้ได้รูปสวยอย่างที่คนไข้ต้องการ นอกจากความสะอาดและน่าเชื่อถือของคลีนิคและสถานประกอบการในการทำศัลยกรรมความงามแล้ว ฝีมือของแพทย์ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เราควรจะหยิบยกมาพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจทำน่ะนะคะ

การเสาะหาคุณหมอที่มีฝีมือดี สามารถแก้ไขจมูกของเราให้ได้รูปสวยขึ้นอย่างที่เราต้องการนั้น มีหลายวิธีค่ะ ดังเช่นที่จะกล่าวดังต่อไปนี้

1. วิธีแรกก็คือ การดูจากผลงานที่ผ่าน ๆ มาของคุณหมอท่านนั้น ๆ อาจจะดูจากคนไข้ที่เคยเข้ารับการผ่าตัดของคุณหมอ ว่ารูปจมูก สวยอย่างที่เราอยากได้หรือไม่ มีปัญหาอะไรหลังการผ่าตัดที่สืบเนื่องมาจากการเสริมจมูกหรือไม่

2. หากเราไม่มีคนไข้ที่เรารู้จักหรือสามารถดูรูปจมูกที่แท้จริงได้หลังผ่้าตัด ก็สามารถหาดูจาก รีวิว การทำจมูกของคุณหมอท่านนั้น ๆ ผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น หนังสือ สิ่งพิมพ์ อินเตอร์เน็ต หรือจากเว็ปไซด์ของสถานบริการศัลยกรรมตกแต่งนั้น ๆ อ่านฟีดแบ็คหรือความคิดเห็น เสียงสะท้อนจากผู้ที่เคยใช้บริการ ว่าคุณหมอท่านนั้นมีฝีมือเป็นอย่างไร ความรับผิดชอบดีหรือไม่ หากมีปัญหาท่านสามารถแก้ไขให้ได้หรือไม่ หรืิอมีคำแนะนำที่ดีหรือไม่



3. ตรวจดูจากรายชื่อศัลยแพทย์ตกแต่งที่ได้รับการรับรองจากสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย ว่าคุณหมอได้รับการรับรองและขึ้นทะเบียนเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งหรือไม่

4.เลือกแพทย์ที่เข้าใจความต้องการของเรา ไม่ใช่เลือกแพทย์ที่ืตามใจเรา น่ะนะคะ เพราะศัลยแพทย์ที่ดี ย่อมเข้าใจข้อจำกัดของเราว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้แล้วยังต้องเลือกดูแพทย์ที่มีเวลาให้เราทั้งก่อนทำและหลังทำด้วยค่ะ



ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต

เรื่องน่าอ่าน