Skinpress Rss

วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ถุงใต้ตาเทียม

ถุงใต้ตาเทียม นั้น มีสาเหตุมาจากระบบการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลืองในร่างกายไม่ดี ทำให้ของเหลวไปคั่งอยู่ที่ใต้ตาค่ะ มักเกิดจากพฤติกรรมต่างๆ เช่น นอนดึก ชอบขยี้ตา ร้องไห้บ่อยๆ ใช้สายตามากเกินไป ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ แสงแดด ความเครียด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ตลอดจนการแพ้สารต่างๆ เช่น มาสคารา




โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่นอนดึกหรืออดนอนเป็นประจำ จะทำให้การไหลเวียนโลหิตไม่ดี สารอาหารในเลือดลดลง เส้นเลือดตีบ รอยคล้ำชัดเจนขึ้น หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ เส้นเลือดจะเปราะแตกง่าย เกิดสารตกค้างใต้ตา ทำให้ตาคล้ำได้

อย่างไรก็ตาม ถุงใต้ตา ในลักษณะนี้แก้ไขได้ง่ายกว่าถุงใต้ตาแท้น่ะนะคะ เพียงแค่เปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ดีทั้งหลายดังที่กล่าวมา แล้วลองนวดที่ดวงตาเบาๆ หรือหมั่นประคบเย็นที่ดวงตาเป็นประจำ อาการดังกล่าวก็จะค่อยๆ ดีขึ้นได้ค่ะ

นอกจากสาเหตุของการเกิดถุงใต้ตาเทียมแล้ว ในวันนี้บล้อกบิตี้ฟอร์ยู ก็มีวิธีป้องกันถุงใต้ตาเทียมทีทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองมาฝากกันด้วยนะคะ

ข้อแรกก็คือ อย่าให้กล้ามเนื้อตาล้าเกินไปค่ะ หากต้องนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ให้พักสายตาทุก 15 นาที ด้วยการมองออกไปไกลๆ จะทำให้ดวงตาไม่เกิดอาการล้า  

สอง ปรับแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้แสงพอเหมาะ และเมื่อรู้สึกเคืองตาก็ห้ามขยี้ตาโดยเด็ดขาด

สาม หากรู้สึกอ่อนล้าบริเวณกระบอกตา ก็ให้นวดคลึงเบาๆ และควรบริหารดวงตาเพื่อคลายความตึงเครียด ด้วยการกลอกตาไปรอบๆ เป็นวงกลม สัก 5-6 รอบ ใช้นิ้วนางทั้ง 2 นิ้วแตะที่หัวตาแต่ละข้าง คลึงเบาๆ แบบกดจุดนาน 1-2 วินาที

สี่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด เพราะจะยิ่งเสริมให้เกิดอาการบวมมากขึ้น

ห้า หลีกเลี่ยงการอดนอน หรือคร่ำเคร่งในการอ่านหนังสือ – อ่านตำรา และการร้องไห้น่ะนะคะ

เพียงเท่านี้คุณก็จะมีดวงและและรอบดวงตาที่สดใสแล้วล่ะค่ะ



เรียบเรียงข้อมูลจาก วิชาการดอทคอม
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต

วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ประเภทของถุงใต้ตาและวิธีการแก้ไข : ถุงใต้ตาแท้

 สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ บล้อกบิวตี้ฟอร์ยูทุกท่าน

ผิวหนังบริเวณใต้ตานั้นบอบบางและเกิดริ้วรอยได้ง่ายอยู่แล้วน่ะนะคะ เนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อบริเวณใต้ตาจะเริ่มเสื่อมสลายเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้บริเวณด้านล่างของดวงตามีรอยพับเกิดขึ้น อีกทั้งไขมันใต้ผิวหนังจะถูกดันออกมาเพราะกล้ามเนื้อไม่กระชับ ทำให้เห็นเป็นถุงใต้ตา นอกจากนั้นระบบการไหลเวียนของน้ำเหลืองที่ไม่ดีก็จะทำให้น้ำมาคั่งบริเวณนี้ ทำให้ผิวรอบดวงตาบวมเกิดเป็นถุงอย่างเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก ก่อนที่เราจะไปดูวิธีแก้ไขปัญหาถุงใต้ตากัน  วันนี้มารู้จักสาเหตุและประเภทของถุงใต้ตาด้วยกันก่อนนะคะ

ถุงใต้ตา นั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทค่ะ นั่นคือ ถุงใต้ตาแท้ และถุงใต้ตาเทียม

ถุงใต้ตาแท้คือถุงใต้ตาแบบไหน ?

ถุงใต้ตาแท้นั้น มีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์ค่ะ เกิดจากระบบต่อมไร้ท่อภายในร่างกายทำงานผิดปกติ โดยทั่วไปแล้วคนเราจะมีก้อนไขมันสามก้อนอยู่ใต้ตาน่ะนะคะ ก้อนไขมันเหล่านี้จะค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นไปตามอายุ แต่สำหรับบางคนที่มีปัญหาถุงใต้ตาแท้ อาจจะสังเกตเห็นถุงใต้ตาได้ตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ




วิธีการแก้ไขอาการถุงใต้ตาแท้ นั้น ทำได้หลายวิธีค่้ืะ นั่นก็คือ การใช้ คลื่นวิทยุ หรือ Radio Frequency (RF) , การผ่าตัด และการใช้ยาละลายไขมัน

สำหรับวิธีการแรกที่เราเรียกว่า การใช้คลื่น RF จะได้ผลเพียงการช่วยยกกระชับผิวใต้ตาทำให้ถุงใต้ตาดูเล็กลงเท่านั้น แต่ไม่สามารถทำให้ปัญหาถุงใต้ตาหายขาดไปได้นะคะ ส่วนการแก้ไขโดยการผ่าตัด โดยมากจะช่วยเรื่องถุงใต้ตาได้ดี แต่ก็ช่วยเรื่องรอยคล้ำได้น้อย นอกจากจะตัดรอยดำออกไปด้วย




และแม้ว่าการผ่าตัด อาจช่วยให้ผิวเรียบเนียนสดใส แต่ก็คงความงามอยู่ได้ไม่นาน หากขาดการดูแลที่ดี ถุงใต้ตาก็สามารถเกิดขึ้นใหม่ได้อีกค่ะ เพราะการผ่าตัดคือการตัดเอาถุงไขมันใต้ตาที่เกิดขึ้นในขณะนั้นทิ้งไป แต่ปัญหาการสะสมของน้ำและไขมันก็ยังเกิดขึ้นใหม่ได้ตลอดเวลา เมื่อสภาพผิวเริ่มอ่อนแอลงประกอบกับอายุที่มากขึ้น กระบวนการซ่อมแซมตัวเองของเซลล์ผิวก็เสื่อมประสิทธิภาพลง ทำให้การไหลเวียนขับถ่ายของเสียรอบดวงตาบกพร่อง และก่อให้เกิดการสะสมของถุงใต้ตาและริ้วรอยหมองคล้ำได้อีกอยู่เรื่อยไป

ส่วนการใช้ยาละลายไขมันนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนักน่ะนะคะ มีรายงานทางการแพทย์ด้วยว่า เคยมีผู้ใช้วิธีนี้จนกระทั่งตาบอด เนื่องจากเกิดการอักเสบของไขมันมากเกินไปจนส่งผลต่อดวงตาและอาจจะทำให้ตาบอดได้ในที่สุด

ในตอนหน้าของบล้อกบิวตี้ฟอร์ยู เราจะมาทำความรู้จักกับ ถุงใต้ตา อีกประเภทหนึ่ง นั่นก็คือ ถุงใต้ตาเทียมด้วยกันนะคะ

แล้วกลับมาติดตามบล้อกบิวตี้ฟอร์ยูได้ใหม่ในครั้งหน้าค่ะ :)



ขอบคุณที่มา http://onknow.blogspot.com/2009/08/blog-post_1693.html 
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต

วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ฉีดปากให้อวบอิ่ม

สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ บล้อกบิวตี้ฟอร์ยู ทุกท่าน

ริมฝีปากอวบอิ่ม สีชมพูเรื่อ แลดูสุขภาพดี นับเป็นอีกหนึ่งเครื่องหน้่าที่จะช่วยเสริมความสมบูรณ์แบบของภาพรวมของใบหน้าได้เป็นอย่างดีน่ะนะคะ




ในปัจจุบันนี้มีการนำเอาสารเติมเต็มชนิดหนึ่ง ซึ่งมีความปลอดภัยสูง และได้ผ่าน องค์การอาหารและยาทั้งในต่างประเทศและในเมืองไทยมาใช้ในการเติมรูปปากให้อวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติกันอย่างแพร่หลาย โดยสามารถฉีดได้ทั้งริมฝีปากบน และล่าง เพื่อให้ริมฝีปากอิ่มเอิบได้รูป หรือเพื่อลดรอยเหี่ยว และร่องที่ริมฝีปาก เนื่องจากเมื่อคนเราอายุมากขึ้น ริมฝีปากจะเริ่มบางมากขึ้นเรื่อย ๆ สารชนิดนั้นก็คือสารที่เราเรียกกันว่า Filler นั่นเองค่ะ


สาร Filler ซึ่งนิยมนำมาฉีดริมฝีปากนั้น มีสารพื้นฐานคือ กรดไฮยาลูรอนิก ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติอยู่แล้วในร่างกาย อย่างเช่นสารฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane, Perlane และ Juvederm ซึ่งแพทย์ให้การรับรองว่าเหมาะสำหรับการฉีดริมฝีปาก เพราะเป็นสารเนื้อนุ่ม จึงช่วยเติมเต็มริมฝีปากได้อย่างเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นาน 7-9 เดือน ส่วนคอลลาเจนก็สามารถใช้ได้เช่นกัน แต่ผลจะอยู่ได้ไม่นานเท่าสารจากกรดไฮยาลูรอนิกคือประมาณ 6 เดือน และมีราคาค่อนข้างสูง 




ในการรักษาแพทย์จะฉีดยาชาก่อน จากนั้นจึงเริ่มกระบวนการฉีดสารเติมเต็มที่เราเรียกกันว่า คอลลาเจน หรือฟิลเลอร์ (Filler) เข้าไป ซึ่งถือว่าไม่ง่ายนักน่ะนะคะ เพราะแพทย์ผู้ที่ทำการเติมเต็ม Filler นั้น ต้องมีทั้งทักษะทางการแพทย์และฝีมือทางศิลปะ ซึ่งหากไม่ชำนาญแล้ว ก็อาจทำให้สารฟิลเลอร์นั้นกระจุกตัวเป็นก้อน หรือไม่ได้รูปอย่างที่ต้องการได้ 


เมื่อผ่านกระบวนการฉีดฟิลเลอร์ สารตัวนี้ก็จะเข้าไปเติมเต็มเซลล์ผิวริมฝีปาก รวมทั้งลดร่องลึกและริ้วรอยบนริมฝีปากโดยริมฝีปากจะอิ่มขึ้นทันทีหลังฉีดค่ะ แต่จะปรากฎเป็นรอยเข็มบริเวณที่ฉีดอยู่ราว 2-3 วัน ก่อนจะหายไปเอง และจะมีอาการบวมอยู่ประมาณ 2-3 วันก่อนกลับเข้ารูปสวยงาม ในขณะที่บางรายอาจมีความรู้สึกตึงและมีรอยบวมแดงในบริเวณที่ฉีดยาวนานกว่านั้น แต่จะเริ่มหายไปภายใน 1-4 สัปดาห์เช่นกัน ซึ่งตรงนี้ก็ต้องแล้วแต่ฝีมือแพทย์ด้วยน่ะนะคะ เพราะการกะปริมาณสารฟิลเลอร์ที่เติมเต็มเข้าไปนั้น ค่อนข้างจะกะยาก เนื่องจากริมฝีปากจะเกิดอาการบวมร่วมด้วยเมื่อทำการฉีดนั่นเอง 





การฉีดฟิลเลอร์นี้ สามารถฉีดซ้ำได้เมื่อของเดิมนั้นสลายตัวไปค่ะ (ประมาณ 7-12 เดือน) นอกจากนั้นในปัจจุบันนี้ นวัตกรรมความงามในต่างประเทศ เช่น อเมริกา ยังมีฟิลเลอร์ที่ถูกดึงมาจากไขมันของผู้รักษาอีกด้วยน่ะนะคะ


ข้อควรระวังในการฉีดสารฟิลเลอร์ เพื่อเสริมให้ริมฝีปากอวบอิ่มขึ้น ก็คือควรระมัดระวังในการเลือกแพทย์และสารที่จะนำมาฉีดค่ะ สารที่อันตรายอย่างยิ่งสำหรับการฉีดริมฝีปากและควรเลี่ยงอย่างเด็ดขาด ก็คือ ซิลิโคนเหลว เพราะเป็นสารสังเคราะห์ซึ่งนับว่าเป็นสารแปลกปลอมและไม่ย่อยสลายไปตามธรรมชาติน่ะนะคะ จึงทำให้เกิดอาการอักเสบตามมา แถมเมื่อเวลาผ่านไป ก็จะไปกระจุกกันเป็นก้อนอยู่ด้านล่างตามแรงโน้มถ่วงของโลกอีกด้วย ซึ่งซิลิโคนเหลวนั้น มีราคาที่ถูกกว่าสาร Filler มากน่ะนะคะ จึงมีคลินิกเถื่อนทั้งหลายลักลอบฉีดให้คนไข้อยู่บ่อยครั้ง และส่งผลเสียหายต่อผู้ฉีดโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเราจึงควรเลือกคลิกนิก หรือสถานพยาบาลที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานไว้ก่อนค่ะ เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกฉีดสารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายของเราโดยรู้เท่าไม่ถึงการน่ะนะคะ 




วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ฉีดฟิลเลอร์แก้ไขแก้มตอบ



สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ บล้อกบิวตี้ฟอร์ยูทุกท่าน

มนุษย์ทุกคนล้วนมีความปราถนาที่จะให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงคงความเยาว์วัยไว้ให้นานที่สุดน่ะนะคะ พวงแก้มที่อวบอิ่ม ทำให้แลดูใบหน้าอ่อนเยาว์และมีสุขภาพที่ดี แต่สำหรับเพื่อน ๆ บางท่านที่มีปัญหา แก้มตอบ ไม่ว่าจะด้วยจากรูปหน้าเอง จากการทานยาบางประเภท การจัดฟัน หรือจากการที่อายุมากขึ้น ทำให้ใบหน้าโดยรวม แลดูอิดโรย ไม่แจ่มใส หรือดูมีอายุมากกว่าวัยที่แท้จริง ก็คงนึกอยากจะให้มีวิธีที่ช่วยให้แก้มดูอวบอิ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่มีอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด และด้วยนวัตกรรมทางด้านความสวยความงาม และเทคนิคทางการแพทย์ ทำให้ปัีจจุบันนี้ เรามีวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาที่เกี่ยวกับการที่มี แก้มตอบ หรืหน้าตอบได้ไม่ยากค่ะ

อีกหนึ่งในวิธการแก้ไขปัญหาแก้มตอบ หรือปัญหาหน้าตอบ นอกจากการฉีดไขมันตัวเองเข้าไปแก้ไขปัญหาแก้มตอบแล้ว ก็คือการฉีดสารเติมเต็ม หรือที่เราเรียกกันว่า Filler เข้าไปแก้ไขอาการแก้มตอบ นั่นเองนะคะ


Filler คืออะไร ? 

Filler หรือ สาร Hyaluronic Acid (HA) เป็นสารประกอบของคอลลาเจนที่มีอยู่แล้วในผิวหนังของเราค่ะ หลายๆ ท่านคงจะเคยได้ยิน กันจนชินหูแล้วกับคำว่า คอลลาเจน แต่ก็ยังไม่รู้ชัดเจน ว่าคอลลาเจนนั้นคืออะไร คอลลาเจนนั้นเป็นโปรตีนสำคัญของผิว เพราะเป็นส่วนที่เปรียบได้กับสปริงของผิวหนัง ช่วยสร้างความตึงให้กับผิวหนังชั้นหนังแท้ นึกถึงเวลาจับแก้มเด็กเล็ก ๆ ดู จะสัมผัสได้ทันที ถึงความใส ตึง ที่ผิวแก้ม แต่ภายหลังอายุ 20 ปี คอลลาเจนโปรตีนจะเสื่อมสภาพลง พอสปริงไม่เด้งเหมือนเก่า ผิวหนังจึงยุบตัวลง ความเหี่ยวย่น ริ้วรอย และความชราของผิวพรรณจึงปรากฏขึ้นน่ะนะคะ




สาร Filler นั้น เป็นที่รู้จักกันดี ในการใช้เพื่อเติมเต็มร่องลึกเพื่อทดแทนคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพลงค่ะ เช่น ร่องแก้ม หรือปรับรูปหน้าในบริเวณที่ไม่กว้างมากนัก เป็นต้นค่ะ และแม้ว่า Filler จะถูกนำมาฉีดเพื่อช่วยในการปรับแก้ไขรูปหน้าแบบเฉพาะจุด เช่น เสริมจมูก หรือเสริมคาง เติมเต็มริ้วรอยบนใบหน้า ลดร่องลึกบนผิว แต่กลับไม่ค่อยนิยมใช้ Filler มาฉีดเพื่อให้แก้มอิ่มมากนัก เพราะจะต้องใช้ปริมาณของสาร Filler จำนวนมาก ซึ่งสาร Filler นั้น มีราคาค่อนข้างสูงและจะค่อย ๆ ย่อยสลายไปตามกระบวนการทำงานของร่างกาย จึงมีผลอยู่ได้เพียง 6-8 เดือนเท่านั้น ซึ่งหากนำมาใช้ในการเติมเต็มแก้มซึ่งมีบริเวณกว้าง ก็จะต้องใช้ปริมาณค่อนข้างมาก และเมื่อเทียบราคากับผลลัพท์ที่ได้ รวมไปถึงระยะเวลาของผลการฉีดรักษา วิธีนี้ก็ดูจะแพงตามไปด้วยน่ะนะคะ



ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต

เรื่องน่าอ่าน