Skinpress Rss

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

ผลข้างเคียง และอันตรายที่อาจได้จากโบท๊อกซ์

เพื่อน ๆ บล้อกบิวตี้ฟอร์ยูทุกท่านคะ เมื่อตอนที่แล้วเราได้คุยกันถึงเรื่อง ด้านดีของการฉีดโบท๊อกซ์ เพื่อลดริ้วรอยและปรับแก้ไขรูปหน้ากันไปแล้วน่ะนะคะ แต่เหรียญก็ย่ีอมมีสองด้านเสมอค่ะ ดังนั้นในวันนี้เราจะมาเรียนรู้ถึง ผลข้างเคียง และอันตราย ที่อาจจะได้รับจากการ ฉีดโบท๊อกซ์ กันบ้าง


Botox

เมื่อเราตัดสินใจฉีดโบท๊อกซ์แล้ว หลังฉีด อาการแรกเราอาจเห็นเป็นตุ่มนูนแดงในบริเวณที่ฉีดอยู่ราวๆ 2 ชั่วโมงค่ะ บางคนอาจมีอาการปวดศีรษะในวันแรก หรืออาจเกิดอาการหนังตาหรือคิ้วตก กลืนอาหารไม่สะดวกหากฉีดบริเวณลำคอ แต่จะค่อยๆ หายไปเองตามระยะเวลา ในขณะที่บางรายก็อาจมีการสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อโบท็อกซ์ ทำให้การฉีดไม่ได้ผล แต่จะมีผู้ที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นได้ไม่ถึงร้อยละ 3 - 5 น่ะนะคะ ซึ่งปฏิกิริยานี้มักจะเกิดกับผู้ที่เข้ารับการรักษาอาการกระตุก และต้องใช้โบท็อกซ์ในปริมาณมาก ดังนั้นอาจต้องเปลี่ยนมาใช้โบทูลินั่มชนิดบีแทน (Myobloc)
         
คำแนะนำในการใช้คือให้ฉีดทุกๆ 3 เดือนค่ะ และต้องฉีดในปริมาณที่น้อยที่สุดเท่าที่จะเห็นผลได้ รวมถึงต้องฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เท่านั้น
         
ข้อเท็จจริงและผลข้างเคียงของการฉีด โบท๊อกซ์ Botox ที่เราควรทราบ
         
1. โบท๊อกซ์ได้มาจาก ''Botulinum toxin" ซึ่งเจือปนอยู่ในอาหารที่เป็นพิษน่ะนะคะ เจ้าสารตัวนี้มีคุณสบบัติในการรบกวนคลื่นทางประสาท และเป็นสาเหตุให้กล้ามเนื้ออัมพาตและบางลง เมื่อมีการรักษาหลายครั้ง
2. โบท๊อกซ์มีผลข้างเคียงต่อกล้ามเนื้อบริเวณที่ถูกฉีดค่ะ เช่น เปลือกตา และทำให้ปวดศีรษะได้ รวมทั้งมีผลต่อการกิน การพูด และการกระพริบตาด้วย
3. โบท๊อกซ์ถูกจำกัดให้ใช้ได้เฉพาะบริเวณลำคอ พื้นที่รอบคอ รอบปาก และตา (พื้นที่จำกัดรอบตา) เท่านั้น
4. การฉีดโบท๊อกซ์ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้การรักษาได้ผลตามที่ต้องการ และกล้ามเนื้อบางลงอย่างถาวร
5. โบท๊อกซ์มีราคาแพง การฉีดโบท๊อกซ์ต้องฉีดซ้ำเดือนละ 2-4 ครั้ง เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปตามที่ต้องการ
6. โบท๊อกซ์ทำให้เกิดการแพ้หรือแดงได้ในผู้ฉีดบางราย
7. หากการฉีดไม่เป็นไปอย่างแม่นยำ หรือปริมาณที่ฉีดมากเกินไป อาจทำให้หน้าแข็งทื่อ หรือไม่เป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชำนาญของผู้ฉีด แต่อย่างไรก็ตามผลดังกล่าวจะคงอยู่ชั่วคราวเท่านั้นน่ะนะคะ



เรียบเรียงข้อมูลจาก http://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_cosmetic/a_ch_1_001c.asp?info_id=230
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

ก่อนการฉีดโบท๊อกซ์ และหลังการฉีดโบท๊อกซ์



Botox  นั้นคือโบทูลินั่มทอกซินบริสุทธิ์ ที่ถูกนำมาใช้เพื่อลดริ้วร้อยเล็กๆ และริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้าค่ะ นอกจากนี้แล้ว Botox ยังใช้ลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ตีนกา และรอยขมวดคิ้วได้เป็น รวมไปถึงใช้ในการลดขนาดกล้ามเนื้อกราม ทำให้ใบหน้าเล็กลง และใช้ลดเหงื่อบริเวณรักแร้ได้เป็นอย่างดี


Botox

อย่างไรก็ตาม เมื่อตัดสินใจที่จะทำการฉีัดโบท๊อกแล้ว คนไข้ก็ต้องมีการเตรียมตัวก่อนการฉีดน่ะนะคะ ซึ่งควรปฏิบัติดังนี้

1. ควรหยุดรับประทานวิตามิน โดยเฉพาะ วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย และสมุนไพรร้อน เช่น โสม ก่อนการรักษาประมาณ 2-3 วัน
2. ห้ามรับประทานยาลดการอักเสบ หรือแอสไพริน ก่อนการฉีดยา 1 อาทิตย์

การดูแลหลังตัวเองหลังรับบริการฉีดโบท๊อกนั้น ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้ค่ะ

1. ห้ามนอนราบ 3 ชม. หลังทำ เนื่องจากตัวยาอาจกระจายออกนอกตำแหน่งที่ฉีด ทำให้ไม่ได้ประสิทธิภาพที่ต้องการ
2. ห้ามนวดบริเวณที่ฉีด เพราะทำให้ยากระจายตัวไปที่กล้ามเนื้อรอบดวงตาได้
3. ขยับกล้ามเนื้อที่ฉีด ทุก 15 นาที ในชั่วโมงแรกหลังฉีด เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ดีขึ้น
4. หากมีรอยช้ำหลังฉีด ประคบเย็นที่บ้านต่อ ไม่ให้นวด หรือประคบอุ่น และงดทานยาจำพวก แอสไพริน วิตามินอี สมุนไพรร้อน เช่น แปะก๊วย โสม 2-3 วัน เพื่อลดรอยช้ำหลังฉีด (หากมี)
5. ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 2 อาทิตย์แรกซึ่งอาจจะมีผลทำให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้ไม่ดี หรืออาจแย่ไปกว่านั้นอีกก็คือ ทำให้เกิดริ้วรอยแผลบริเวณตำแหน่งที่ฉีดโบท็อกซ์
6. ช่วงเดือนแรกงดเว้นการนวดหน้าแรงๆ หรือ การทำ treatment ร้อน เช่น RF, การซาวน่า
7. สำหรับผู้ที่ฉีดหน้าเรียว ควรงดเว้นการเคี้ยวหมากฝรั่ง เนื่องจากจะทำให้การฉีดไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
8. ปกติแล้ว แพทย์จะนัดให้กลับมาพบแพทย์ครั้งต่อไปในอีก 1 อาทิตย์ หรือถ้าฉีดหน้าเรียวพบแพทย์ครั้งต่อไปอีก 2 อาทิตย์หลังจากวันที่ฉีด หรือหากมีข้อสงสัยหรือ มีอาการผิกปกติอย่างใด ก็ควรกลับไปพบแพทย์ทันทีน่ะนะคะ




เรียบเรียงข้อมูลจาก yasashiijapan.com
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต

ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์แทนการศัลยกรรม

สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ บล้อกบิวตี้ฟอร์ยูทุกท่าน

ปัจจุบันนี้ได้มีนวัตกรรมความงามใหม่ ๆ เพื่อการหยุดยั้ง หรือชะลอวัย มิให้เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลาหลากหลายทางเลือกด้วยกันน่ะนะคะ

ในตอนที่แล้วของบล้อกบิวตี้ฟอร์ยู เราได้แนะนำ วิธีการลดริ้วรอยเหี่ยวย่น การปรับรูปหน้า ด้วยวิธีการที่ง่าย ไม่ซับซ้อน และไม่ต้องเจ็บตัวเหมือนการผ่าตัดทำศัลยกรรมในสมัยก่อน ด้วยการเลือกนำสารประเภทหนึ่งที่เรียกว่า Botox (ได้จากการสกัด Botulium toxin A ) มาฉีดลงไปในบริเวณกล้ามเนื้อมัดที่เกิดปัญหา ซึ่งเมื่อฉีดเข้าไปแล้ว ก็จะช่วยลบริ้วรอยบริเวณหัวคิ้ว รอยตีนกา หน้าผากได้ชั่วคราว ทำให้ผิวหนังด้านบนของกล้ามเนื้อเหล่านั้นตึงเรียบขึ้น





กรรมวิธีในการฉีด Botox นั้นแสนง่าย และรวดเร็วค่ะ ผู้ที่เข้ารับการรักษา ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ฉีดเสร็จก็สามารถกลับบ้านได้เลย หรือไปเดินช็อปปิ้งต่อก็ยังได้ แถมราคาก็สบายกระเป๋า เพราะเราสามารถเลือกที่จะเสริมแต่ง หรือ แก้ไขเฉพาะจุดที่จำเป็น โดยเฉพาะผู้เข้ารับการรักษาที่มีอายุน้อยซึ่งความแข็งแรงยืดหยุ่นของผิวพรรณยังค่อนข้างสมบูรณ์ดีอยู่ จะใช้ยาในปริมาณที่น้อยมาก การแก้ไขในบางจุดจึงมีราคาแค่พันต้นๆ เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การ ฉีดโบท็อกซ์ นั้น ก็เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป เพราะรูปหน้าคงที่แล้ว หากแต่ไลฟ์สไตล์ของหนุ่มสาวยุคใหม่ ที่ต้องการปรับแต่งรูปหน้าให้สวยเนี้ยบยิ่งกว่า ต้องการปรับเล็กๆ น้อยๆเพื่อแก้โหงวเฮ้ง หรือเสริมบุคลิกภาพเพื่อสังคม ผู้มีอายุต่ำกว่านั้นก็สามารถทำได้ ไม่ต้องรอให้วัยล่วงเลยไปแต่อย่างใดน่ะนะคะ

อย่างไรก็ดี การฉีดโบท๊อกซ์นั้น ก็มีข้อจำกัดสำหรับผู้อยากเข้ารับการรักษาบางคนค่ะ ได้แก่ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคระบบกล้ามเนื้อ,ผู้ที่มีประวัติแพ้ Albumin,ผู้ที่มีประวัติแพ้ Botulinum Toxin และหญิงมีครรภ์ที่อยู่ระหว่างให้นมบุตรนะคะ



เรียบเรียงข้อมูลจาก yasashiijapan.com
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต

ผลลัพท์ที่ได้หลังฉีดโบท๊อกซ์



"โบท็อกซ์" นั้น คือชื่อทางการค้าของสารชีวภาพชนิดหนึ่ง นั่นก็คือคือ โบทูลินัม ท็อกซิน เอ ที่มาจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัวชั่วคราวค่ะ ปัจจุบันนี้ในแวดวงของความงามนิยมนำโบท็อกซ์มาใช้สำหรับการลดรอยย่นของผิวหนัง เช่น รอยย่นเวลาเราขมวดคิ้ว เพราะเมื่อกล้ามเนื้อหดตัวแล้ว เวลาขมวดคิ้วกล้ามเนื้อจะไม่จับกันเป็นก้อนนูนออกมา และยังสามารถช่วยในการปรับแต่งรูปหน้า เช่น ยกคิ้ว ยกมุมปาก ลดปีกจมูก ได้อีกด้วย

Botox
ในกรณีที่ฉีดเพื่อการ ลดริ้วรอย หลังฉีดโบท็อกซ์แล้ว ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์เช่น การขมวดคิ้ว รอยย่นจมูกที่เกิดจากการยิ้มจะลดลง ผิวเรียบเนียนขึ้น ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ หรือกรณีที่ฉีดปรับแก้ไขรูปหน้า ก็ทำได้ในหลายกรณี เช่น ฉีดลดกล้ามเนื้อตรงส่วนกรามให้เล็กลง ส่งผลให้หน้าดูเรียวขึ้น การทำให้คิ้วโก่ง ให้มุมปากที่ตกยกขึ้น ปีกจมูกเล็กลง นอกจากนี้ยังมีความสามารถควบคุมต่อมเหงื่อ เพื่อลดเหงื่อใต้วงแขน โดยการทำงานยับยั้งการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ Sympathetic ที่ควบคุมต่อมเหงื่อทำให้ผลิตเหงื่อลดลงได้ด้วย


การ ฉีดโบท๊อกซ์ นั้น สามารถเห็นผลได้หลังฉีดประมาณ 3-7 วัน ค่ะ และผลของการฉีดจะอยู่ได้ราว 6-8 เดือน โดยสามารถฉีดซ้ำได้เมื่อกล้ามเนื้อกลับสู่สภาพเดิมน่ะนะคะ

ในตอนหน้าเราจะมาดูเหตุผลว่า ทำไมเราจึงควรเลือกที่จะฉีดโบท๊อกซ์ เพื่อลดริ้วรอยเหี่ยวย่น และแก้ปัญหาบางประการของรูปหน้าแทนการศัลยกรรมกัน กลับมาติดตามบล้อกบิวตี้ฟอร์ยูได้ใหม่ในครั้งหน้านะคะ



เรียบเรียงข้อมูลจาก yasashiijapan.com
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555

ลบรอยย่น,รอยตีนกา ด้วยโบท๊อกซ์ (Botox)

ริ้วรอย ที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของคนเรานั้น เกิดจากการแสดงสีหน้า และอารมณ์ต่างๆ ซ้ำๆ กันน่ะนะคะ เมื่อเกิดการใช้งานซ้ำ ๆ กันนานเข้า กล้ามเนื้อมัดที่เราใช้แสดงสีหน้าและอารมณ์ ก็จะเกิดการหดตัว ทำให้ผิวหนังที่อยู่เหนือกล้ามเนื้อนั้น เกิดเป็นรอยให้เห็นหรือที่เราเรียกกันว่ารอยย่น โดยเฉพาะรอยย่นซึ่งมักจะมาเร็วและเห็นได้ตั้งแต่ยังอายุไม่มากเท่าใดนัก ก็จะเป็นรอยย่นบริเวณหางตาหรือที่เราเรียกกันติดปากว่า รอยตีนกา นั่นเอง




แต่ปัจจุบันนี้มีันวัตกรรมความงาม ที่จะช่วยให้ความเสื่อมของผิวและรอยย่นที่เกิดจากวัย รวมไปถึงการที่เราใช้กล้ามเนื้อในการแสดงอารมณ์ซ้ำ ๆ กันเป็นเวลานาน มีสภาพที่ดีขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือเจ็บตัวมากเท่าใดนักน่ะนะคะ นั่นก็คือ การใช้โปรตีนบริสุทธิ์ ซึ่งเราเรียกว่าโบท็อกซ์ ซึ่งก็จะได้จากการสกัด Botulium toxin A มาฉีดลงไปในบริเวณกล้ามเนื้อมัดที่เกิดปัญหา ซึ่งเมื่อฉีดเข้าไปแล้ว ก็จะช่วยลบริ้วรอยบริเวณหัวคิ้ว รอยตีนกา หน้าผากได้ชั่วคราว ทำให้ผิวหนังด้านบนของกล้ามเนื้อเหล่านั้นตึงเรียบขึ้น



     
การทำงานของ โบท๊อก นั้น เมื่อเราทำการฉีดยาเข้าไปในบริเวณที่ต้องการ ยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งการนำกระแสประสาทที่ส่งมายังกล้ามเนื้อบริเวณนั้นค่ะ ทำให้เกิดการคลายตัว เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัว ผิวหนังด้านบนของกล้ามเนื้อก็จะเรียบและไม่มีรอยย่น ส่วนการทำงานด้านอื่นๆ ของเส้นประสาทก็ยังคงเป็นปกติ เช่น การรับรู้ความรู้สึกต่างๆ น่ะนะคะ การออกฤทธิ์ของยา เป็นการออกฤทธิ์เฉพาะที่ หรือออกฤทธิ์เฉพาะบริเวณที่ฉีดเท่านั้น ไม่มีผลกับกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ดังนั้นเมื่อแสดง สีหน้าและอารมณ์ต่างๆ สีหน้าของเราก็ยังคงดูเป็นธรรมชาติ เพียงแต่ริ้วรอยหายไปเท่านั้นเอง

ในตอนหน้าของบล้อกบิวตี้ฟอร์ยู เราจะกลับมาดูผลลัพท์ที่ได้ หลังฉีดโบท๊อกซ์ เพื่อหยุดยั้งริ้วรอยเหี่ยวย่นชั่วคราวกันนะคะ :)




เรีียบเรียงข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2555

สาเหตุของรอยตีนกา

ผิวหนังของเราจริง ๆ แล้วก็เป็นเหมือนอวัยวะอื่นของร่างกายนั่นล่ะค่ะ คือเมื่อมีอายุมากขึ้นก็จะเกิดการเสื่อม โดยเฉพาะผิวส่วนที่ต้องเจอแสงแดดมาก เช่นผิวหน้า หรือผิวภายนอกร่มผ้านั่นเอง




โดยปกติแล้วผิวหนังของเราจะมี คอลลาเจน,อิลาสติน รวมทั้งไขมันเป็นส่วนประ่กอบอยู่น่ะนะคะ เมื่ออายุมากขึ้นไขมันและ collagen ก็จะลดลง เซลล์แบ่งตัวน้อยลง จำนวนเซลล์ในชั้นหนังแท้ลดลง(สวนทางกับอายุดีแท้ ๆ) ยิ่งหากร่างกายถูกแสงแดดมากเท่าใด ก็จะมีการทำลายทั้ง collagen และ elastin มากขึ้น ทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง น้ำในเซลล์ก็จะลดลงทำให้เกิดรอยย่นบนใบหน้า ที่เราเรียกว่าตีนกาหรือ wrinkle ซึ่งมีสองชนิดด้วยกันคือ ชนิดที่เป็นรอยย่นเล็กน้อย และชนิดที่เป็นรอยลึก

การรักษารอยเหี่ยวย่น หรือ รอยตีนกา นั้นสามารถทำได้หลายวิธีค่ะ เช่น การใช้ยาทา การฉีดสารบางชนิดเข้าใต้ผิวหนัง เช่น ฟิลเลอร์,โบท๊อก,collagen fat ซึ่งในครั้งหน้าของบล้อกบิวตี้ฟอร์ยู เราจะมาศึกษาถึุงวิธีรักษารอยตีนกาด้วยวิธีต่าง ๆ กันนะคะ




ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต

เรื่องน่าอ่าน