นพ.ชัยประสิทธิ์ บาลมงคล อายุรแพทย์โรคผิวหนัง เปิดเผยถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเลเซอร์ว่า LASER ย่อมาจากคำเต็มว่า Light Amplification by Stimulated Emission of Radiation หลักการคือเครื่องจะยิงอนุภาคโฟตอน ไปกระทบกับวัตถุตัวกลางที่อยู่ภายใน ทำให้เกิดการชนและสะท้อนไปมา เป็นปฏิกิริยาต่อเนื่องจนพลังงานเพิ่มสูงขึ้น หลังจากนั้นเครื่องจะรวบรวมพลังงานที่เกิดขึ้น และปล่อยออกมาทางท่อที่ได้ออกแบบไว้ ซึ่งเราสามารถนำพลังงานที่ได้ไปใช้ในการรักษาโรคต่างๆ กัน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของเครื่องเลเซอร์ที่ใช้ เนื่องจากเครื่องแต่ละชนิดจะถูกออกแบบมาเพื่อจัดการกับปัญหาที่ไม่เหมือนกัน เช่น เลเซอร์ที่จำเพาะกับเม็ดสี หรือเลเซอร์สำหรับทำลายเม็ดเลือดแดง เป็นต้น
สิ่งที่เลเซอร์แตกต่างจากแสงที่เรามองเห็นคือ มีช่วงความยาวคลื่นเดียว และเดินทางเป็นเส้นตรงค่ะ เหมือนทหาร ที่เดินสวนสนามไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นพลังงานจึงสูงมาก ไม่เหมือนแสงจากกระบอกไฟฉายที่จะกระจัดกระจาย ไม่เป็นระเบียบ ในสมัยเด็กๆ ถ้าเราเคยทดลองทางวิทยาศาสตร์ จะพบว่าการจะทำให้กระดาษติดไฟ ถ้าวางไว้กลางแดดเฉย ๆ อย่างไรก็ไม่ติดไฟเนื่องจากพลังงานไม่สูงพอ ต้องใช้เลนส์มารวมแสงให้เป็นจุดเล็กๆ ภายในระยะเวลาหนึ่งจึงจะทำให้กระดาษไหม้ได้ แต่ถ้าเป็นเลเซอร์ พลังงานจะสูงจนสามารถทำลายเนื้อเยื่อที่เราต้องการได้ทันที นอกจากนี้ เราสามารถบีบให้เลเซอร์รวมกันที่จุดแคบๆ ทำให้เกิดความแม่นยำระหว่างการใช้งาน สามารถยิงเลเซอร์ในบริเวณเล็กๆ ได้ เช่น ไฝหรือติ่งเนื้อที่มีขนาดเล็ก หรืออยู่ในที่ที่การผ่าตัดไม่สะดวกที่จะทำได้
เครื่องเลเซอร์ที่นิยมนำมาใช้มีหลากหลายชนิดสำหรับแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน ได้แก่
- Carbon dioxide LASER ให้ความยาวคลื่นที่ 10600 nm (nm คือ นาโนเมตร 1 nm = 1x10 -9 หรือเท่ากับ 1/1,000,000,000 เมตร) พลังงานจะถูกดูดซับโดยน้ำ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเนื้อเยื่อทุกชนิด ดังนั้นจึงทำลายเซลล์ทั้งหมดที่สัมผัสกับแสง ปกติเราใช้กำจัดปัญหาที่เกิดในผิวชั้นตื้น เช่น ใช้ ยิงไฝ ขี้แมลงวัน ติ่งเนื้อ ที่งอกเกินออกมา หรือใช้ กรอผิว ได้ แต่ไม่นิยมใช้กับปัญหาที่อยู่ในผิวชั้นลึกๆ เพราะผิวด้านบนจะเกิดแผลด้วย
- Q-Switched Alexandrite LASER ปล่อยแสงในช่วงความยาวคลื่น 755 nm สำหรับการรักษา เม็ดสีผิดปกติในผิวหนัง เช่น กระแดด กระตื้น ปาน หรือใช้ ลบรอยสัก เนื่องจากคุณสมบัติของเลเซอร์ชนิดนี้ที่สามารถทะลุผิวชั้นบนลงไปถึงเม็ดสีผิดปกติด้านล่างโดยไม่ทำให้เกิดแผล ดังนั้นจึงดูแลผิวหลังทำได้ง่าย และระยะเวลาในการหายสั้น ประมาณแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น
- Sciton เป็น Long-pulsed Nd : Yag LASER คือเลเซอร์ที่มีช่วงคลื่นยาว 1064 nm จากความยาวคลื่นที่ยาว ทำให้พลังงานสามารถเดินทางผ่านผิวหนังชั้นตื้นลงไปถึงผิวชั้นลึก โดยไม่ทำให้เกิดแผลที่ผิวหนังด้านบน พลังงานจะจับกับเม็ดสีที่มีมากบริเวณรอบๆ รูขุมขน เกิดความร้อนขึ้นจนสามารถใช้เผาหรือทำลายรากขนในบริเวณที่ไม่ต้องการได้ เช่นใช้ กำจัดขน บริเวณ หนวด เครา ใต้วงแขน หรือน่อง หลังรับการรักษาด้วยเลเซอร์ชนิดนี้อย่างต่อเนื่อง เส้นขนจะเล็กลง บางลง ขึ้นช้าลง จนอาจหายไปหมดได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจน ในผิวชั้นลึก เพื่อชะลอปัญหาริ้วรอยก่อนวัยได้อีกด้วย
พูดถึงเรื่อง ริ้วรอย เครื่องที่ได้ยินกันบ่อยๆ อีกชนิดคือ Thermage ค่ะ เป็นเครื่องที่ช่วยยกกระชับผิวหน้าและคอที่ดีมาก เครื่องจะปล่อยพลังงานคลื่นเสียงเพื่อกระตุ้นให้เกิดการหดกระชับของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เราได้ยินกันคุ้นหูคือ คอลลาเจน ซึ่งสารตัวนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญในผิวชั้นลึก ทำให้ ผิวแข็งแรง และเต่งตึง แต่เวลาที่เราอายุมากขึ้น สารตัวนี้จะสลายและมีปริมาณลดลง ทำให้ผิวเหี่ยว และหย่อนคล้อย ดังนั้นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นจึงช่วยให้ผิวดูดี แข็งแรงและกระชับขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่เพิ่งเริ่มมีอาการหรือยังเป็นไม่มาก และยังเหมาะสำหรับคนที่กลัวการผ่าตัด เพราะไม่มีแผล สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังรักษา สะดวกมาก
สุดท้ายเครื่องมือสุดฮิตที่อยากจะแนะนำให้รู้จักกันก็คือ IPL ซึ่งย่อมาจาก Intense Pulsed Light เป็นอุปกรณ์ที่มีหลอดไฟอยู่ภายใน หลอดไฟที่ว่านี้ไม่ใช่หลอดไฟทั่วไป แต่เป็นหลอดชนิดพิเศษที่ให้แสงจ้ามากกว่าปกติ แสงที่ออกมาจะอยู่ในช่วงคลื่น 500-1200 nm โดยบริเวณปลายของหัวยิงจะมีฟิวเตอร์ เพื่อกรองแสงความยาวคลื่นที่ไม่ต้องการออกไป ข้อดีคือเครื่องปล่อยแสงเป็นวงกว้างทำให้สามารถถูกดูดซับด้วยตัวดูดแสงที่อยู่ในผิวหนังได้หลายชนิดอ่ะนะคะ ทำให้สามารถแก้ปัญหาผิวได้หลากหลายและเห็นผลค่อนข้างเร็ว ปกติเราใช้ในการปรับสภาพผิวหน้าให้กระจ่างใสและขาวขึ้น กระ ฝ้า ตื้นๆ จะจางลงได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้กำจัดขนได้ด้วย แต่เพราะแสงค่อนข้างกระจัดกระจายทำให้ถ้าต้องการรักษาโรคบางชนิดอาจต้องเพิ่มความเข้มแสงให้สูงขึ้นและมีโอกาสไหม้ได้ง่าย โดยเฉพาะในคนที่มีผิวคล้ำ จึงต้องระมัดระวังในการทำค่อนข้างมาก และเลือกทำในสถานพยาบาลที่เชื่อถือได้ จึงจะลดโอกาสเสี่ยงที่จะผิวจะไหม้ลงได้ค่ะ
ขอบคุณ ที่มา : http://www.classifiedthai.com/content.php?article=17683