Skinpress Rss

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สิวผู้ใหญ่ หรือสิวฮอร์โมน

เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ตราบใดที่เรายังมีฮอร์โมนอยู่ ตราบนั้นเราก็ยังมีสิทธิ์เป็น สิว มั้ยคะ

คำกล่าวนั้นมี่ส่วนจริงอยู่ค่อนข้างมากค่ะ บล้อกตอนนี้จะพาทุกท่านมารู้จักกับปัญหาสิวในวัยผู้ใหญ่ หรือ สิวฮอร์โมน กัน มาดูกันนะคะ ว่าสิวประเภทนี้มีสาเหตุมาจากอะไร และมีวิธีดูแลรักษาอย่างไรบ้าง




สิวผู้ใหญ่ หรือสิวฮอร์โมนนี้ จะเป็นในช่วงอายุ 20 หรือ 30 ปีค่ะ แต่จะเป็นไม่มาก และอาจจะขึ้นมาอักเสบนิดหน่อยครั้งละไม่กี่เม็ด ผู้หญิงส่วนมากจะเป็นกันในช่วงก่อนมีประจำเดือน สำหรับใครที่เป็นอาจจะต้องใช้ยาอื่นร่วมด้วยนอกจากยาทาอย่างเดียว


สิวในผู้ใหญ่ & สิวฮอร์โมน มีอาการอย่างไร

สิวที่เกิดจากฮอร์โมนนั้น เกิดขึ้นกับผู้หญิงเป็นล้าน ๆ คนหรืออาจะหลายพันล้านคนบนโลกใบนี้ค่ะ โดยจะมาเป็นประจำทุกเดือน เช่น ตัวบวม, อารมณ์แปรปรวน และสิว

ผู้เชี่ยวชาญทราบว่าสิวมีผลจากฮอร์โมน แต่งานวิจัยที่เกี่ยวเนื่องกันนั้นมีค่อนข้างน้อย จนกระทั่งปัจจุบันการศึกษาจากแพทย์ผิวหนัง อลัน ชาลิต้า ยืนยันว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้หญิงทั้งหมดนั้นมีสิวขึ้นก่อนการมีรอบเดือนทั้งนั้น

สิวที่เกิดจากฮอร์โมนอาจไม่ประสบความสำเร็จในการรักษาด้วยวิธีดั้งเดิม เช่นการใช้เรตินอยด์ และยาปฎิชีวนะ ดังนั้นหากสามารถบอกลักษณะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับสิวให้แพทย์ฟังได้จะเป็นการช่วยในการรักษาได้ ตัวอย่างเช่น

สิวที่ขึ้นเม็ดแรก หรือการเกิดสิวครั้งแรกในวัยผู้ใหญ่
สิวที่ขึ้นก่อนการมีประจำเดือน
ประวัติการมีรอบเดือนที่ไม่ปกติ
ความมันบนใบหน้าที่เพิ่มขึ้น
ภาวะการณ์มีขนดก (ขนที่ขึ้นมากเกิน หรือขึ้นในที่ที่ไม่ควรขึ้น)
ระดับแอนโดรเจนในเลือดที่สูงขึ้น

สิวที่เกิดจากฮอร์โมนมักเริ่มต้นเมื่ออายุประมาณ 20-25 ค่ะ สามารถเกิดได้ทั้งกับวัยรุ่นและหญิงในวัยผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไป และมักจะเกิดสิวในบริเวณส่วนล่างของใบหน้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณกรามและคาง ในขณะที่บางคนเกิดสิวที่บริเวณหน้าอกและแผ่นหลัง สิวจากฮอร์โมนโดยปกติแล้วจะเป็นสิวปานกลางและไม่ค่อยอักเสบ หรือหากอักเสบก็เพียงเล็กน้อย เป็นสิวอักเสบเม็ดเล็ก ๆ และพวกสิวเสี้ยน




แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไรล่ะ ?

สิวฮอร์โมนในผู้ใหญ่ – วัยหนุ่มสาวนั้น : เริ่มเกิดขึ้นในช่วงก่อนวัยรุ่น (อายุประมาณ 9-10 ปี) ต่อมหมวกไตเริ่มผลิตฮอร์โมน dihydroepiandrosterone (DHEAS) และแอนโดรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายที่ทำงานในร่างกายของผู้หญิง เช่น เทสโตสเตอโรน และ ดีไฮโดรเทสโตสเตอโรน (DHT) เป็นสาเหตุให้เกิดสิวเม็ดแรกในวัยหนุ่มสาว

ฮอร์โมนทั้งหลายนี้จะไปกระตุ้นการหลั่งของต่อมไขมันตามธรรมชาติของผิว หรือซีบั่มในปริมาณที่มากขึ้น นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมวัยรุ่นจึงมีผิวมันและเป็นสิว โดยธรรมชาติแล้วเด็กผู้ชายจะมีฮอร์โมนเพศชายมากกว่า ดังนั้นวัยรุ่นที่เป็นสิวส่วนมากเป็นชาย

วิธีการรักษาสิวในวัยรุ่น นั้น ค่อนข้างยากและท้าทายความสามารถของแพทย์ผิวหนังพอสมควรค่ะ เพราะฮอร์โมนของพวกเค้านั้น ยังออกมาอย่างต่อเนื่อง บางทีอาจตอบสนองได้ดีกับการรักษาครั้งแรก ๆ เช่นการรักษาโดยใช้เรตินอยด์ และ เบนซอยล์เปอร์ออกไซด์ บางทีอาจใช้ร่วมกับการกินยาปฎิชีวนะ แต่เมื่อร่างกายเขาเหล่านั้นพัฒนาขึ้น ก็อาจเกิดสภาวะฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงและอาจหยุดตอบสนองการรักษาดังกล่าว สูตรการรักษาจึงอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนบ่อยสำหรับผู้ป่วยในวัยรุ่นเพื่อให้เหมาะสมกับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง

สิวฮอร์โมนนั้น เกี่ยวพันกับรอบเดือนของคุณสาว ๆ ด้วยค่ะ ผู้หญิงหญิงหลาย ๆ คนผ่านเข้าสู่ช่วงเป็นผู้ใหญ่โดยไม่เป็นสิว คนอื่น ๆ อาจไม่เป็นจนกระทั่งอายุ 20 หรือ 30, อาจเป็นสิวก่อนประจำเดือนมา... ทำไมงั้นหรือคะ? ระหว่างรอบเดือนปกติ (หากหญิงผู้นั้นไม่ได้ใช้ยาคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนใด ๆ) ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะขึ้นสูงที่สุดที่กลางรอบเดือน แล้วลดต่ำลงจนใกล้ถึงช่วงประจำเดือนมา หลังจากการผลิตไข่ รังไข่จะผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนอีกตัวหนึ่งที่กระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันมากเกินจนเกิดสิว ฮอร์โมนที่ว่านี้มีผลกับหญิงที่ตั้งครรภ์ด้วย ต่อมไขมันจะผลิตน้ำมันมากในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ทำให้หน้ามันและเกิดสิว หญิงบางคนเป็นสิวในช่วงวัยหมดประจำเดือน เมื่อระดับเอสโตรเจนเริ่มลดลง และฮอร์โมนเทสโตสเตอโรนกลายเป็นฮอร์โมนหลัก

จะ รักษาสิวฮอร์โมน อย่างไรได้บ้าง? 

ด๊อกเตอร์ชาลิต้ากล่าวไว้ว่า ทัศนคติที่ว่า“รอ และดู” นั้นไม่มีผลและไม่เกิดผลใด ๆ กับสิวฮอร์โมน สิวที่เกิดขึ้นระหว่างรอบเดือนของผู้หญิงไม่ได้แปลว่าพวกเขาโตขึ้น ดังนั้นการพบแพทย์ผิวหนังเพื่อหาวิธีการรักษาสิวที่ขึ้นมานั้นคือวิธีที่ดีที่สุดแต่ก็มีอีกหลายวิธีให้เลือก อาจเป็นวิธีง่าย ๆ เช่นการควบคุมรอบเดือนโดยการกินยาคุมกำเนิด หรือใช้วิธีดังกล่าวร่วมกับวิธีการรักษาอื่น ๆ ดังนั้นผู้ที่เป็นสิวประเภทนี้ จึงควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาและบรรเทาอาการอ่ะนะคะ



ขอบคุณที่มา : http://www.acnethai.com/




เรื่องน่าอ่าน